25 May 2009

Passion for Creation III



วันสุดท้ายของทริปฮ่องกง (ศุกร์ 22 พฤษภาคม) คือวันแรกที่ให้ประชาชนทั่วไปเข้าชม นิทรรศการศิลปะ Louis Vuitton: A Passion for Creation คือการเดินทางไปช้อปวิตตอง ที่ถนนแคนตัน เพื่อร่วมงานแจกลายเซ็นของ ทาคาชิ มูราคามิ เนื่องจากวิตตอง เปิดตัวหนังสือเล่มเด็ด Louis Vuitton - Art, Fashion and Architecture ว่างๆ จะนำมาให้ชม

คราแรกก็นึกว่าคนจะไม่เยอะแยะ เพราะในเวลาเดียวกับการมอบลายเซ็น ก็มีกิจกรรม มีต แอนด์ กรี๊ด มาร์ค จาค๊อบส์ แต่ด้วยความที่ไม่ได้ปลื้มมาร์ค มากนัก และก็นึกไม่ออกว่ามีตแอนด์กรี๊ด หน้าตาเป็นยังไง ก็เลยขอเลือกไปเอาลายเซ็นจากมุราคามิซัง

คนเยอะแยะมาก จนทำให้ใช้เวลาในการเข้าคิวรอรับลายเซ็นนานเกือบสองชั่วโมง แต่ก็เรื่อยๆ เพราะมาเป็นหมู่ขณะ ยังพอเพลิดเพลิน
ผมว่ามูราคามิ เป็นศิลปินที่ตัวเขานั้นดังพอๆ กับผลงานของเขา จะเรียกง่ายๆ ว่าเป็นศิลปินเซเล็บบริตี้ก็ว่าได้ ไม่น่าแปลกใจนักที่คนญี่ปุ่นก็ไม่ได้เครซี่มูราคามิ อย่างที่พวกเราท่านอาจจะคิดว่าเขาคงโด่งดังสุดๆ ในญี่ปุ่น ถึงได้โกอินเตอร์ จริงๆ ต้องยอมรับนะครับว่า มูราคามิ เป็นศิลปินที่ใช้มังกะสร้างสรรค์ผลงานศิลป์ แต่ศิลปินมังกะญี่ปุ่นมีมากมาย และเขาเหล่านี้มีผลงานการ์ตูนออกมาจริงๆ และเป็นที่ยอมรับในฐานะศิลปินจริงๆ มูราคมมิ จึงไม่ได้เป็นที่นิยมในญี่ปุ่น แต่กลับเป็นศิลปินญี่ปุ่นที่ไปดังในต่างประเทศโดยใช้ความเป็นมังกะสร้างสรรค์งานศิลป์ แล้วความนิยมนี้จึงกลับมาดังในบ้านเกิด ในฐานะเป็นผลงานอินเตอร์ (งงมั้ย)

บ่ายสอง เป็นชั่วโมงศิลปะ ที่เหล่านักเรียนศิลปะ นักออกแบบ และสถาปนิก สนใจกันมากมาย คือ Art Talk โดยศิลปินสถาปนิก แฟรงก์ แกรีห์ ผู้ออกแบบอาคารของมูลนิธิหลุยส์ วิตตอง เพื่อการสร้างสรรค์ ในปารีส จากที่ได้ฟังการบรรยายผลงานของเขา ดูเขาเป็นคนมีมุกตลกพอควร แต่ขณะเดียวกันก็ดูออกจะเป็นคนที่มั่นใจในตนเองมากมายทีเดียว (แหงล่ะ) ดังนั้นหลายครั้งที่ตลกของเขา เป็นตลกร้าย

จบจากการบรรยายของแฟรงก์ แกรีห์ คือการบรรยายศิลปะจากศิลปิน และช่างภาพชื่อดัง ริชาร์ด ปริ้นซ์ ที่ไม่สามารถนำรูปมาให้ชมได้ เนื่องจากทางทีมงานขอร้องไม่ให้ถ่ายภาพ เพราะริชาร์ด เป็นคนเก็บตัว ไม่พูด หรือสุงสิงกับใครมากนัก ฉะนั้นการบรรยายนี้ ถือเป็นไม่กี่ครั้ง (หรืออาจจะครั้งแรก) ที่เขาขึ้นบรรยายอย่างเป็นทางการเช่นนี้ ต้องเรียกว่าริชาร์ด ประหม่าจนกลายเป็นเครียดอย่างเห็นได้ชัด ก็เลยไม่ค่อยมีใครกล้าไปถ่ายภาพเขาระหว่างการบรรยายครั้งนี้
นอกจากนั้น การบรรยายของริชาร์ด จะใช้วิธีให้พิธีกรเป็นผู้เล่า และยิงคำถามให้เขา เพราะคงประหม่าไม่สามารถจะเล่าเรื่องเองได้กระมัง และก็ได้ทราบ (จริงๆ ก็ทราบตั้งแต่ตอนที่ไปดูงานของเขาเมื่อวานแล้ว) ว่าเขาเป็นช่างภาพ ที่เคยถ่ายภาพโฆษณา บุหรี่มาร์โบโล ชุดคาวบอยอันมีชื่อเสียงโด่งดัง และเป็นครั้งแรกที่ภาพถ่ายได้รับการประมูลไปมากเกิน 1,000,000 USD ซึ่งขณะนั้นริชาร์ด ยังเป็นช่างภาพอยู่ที่ Time-Life

ปิดท้ายด้วยลายเซ็นของมูราคามิ บนหลังปกหนังสือเล่มที่กล่าวไปแล้ว

No comments: